DCP-T426W
คำถามที่พบบ่อย และการแก้ปัญหาเบื้องต้น |
สถานะเครื่องพิมพ์แสดง Offline หรือ Paused
ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อแก้ไขปัญหา
ขั้นตอน A: ตรวจสอบว่าเครื่องพิมพ์บราเดอร์เปิดอยู่ และไม่มีข้อความผิดพลาดแจ้งเตือนที่เครื่องพิมพ์
-
หากไฟ LED ของเครื่องพิมพ์บราเดอร์ดับ (ไฟดับทุกดวง) อาจะเป็นไปได้ที่ไม่ได้เปิดเครื่องพิมพ์ไว้ ตรวจสอบว่าเครื่องได้ออกจากโหมดพักหรือไม่
หากไม่ ให้ย้ายจุดเสียบเครื่องไปยังเต้าเสียบที่ทำงานปกติและมีไฟของเต้าเสียบเปิดเป็น ON
หมายเหตุ หากคุณยังไม่สามารถเปิดเครื่องพิมพ์ขึ้นมาได้ ให้ดูวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอาการนี้ - ตรวจดูไฟ LED เกี่ยวกับข้อความแสดงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น (หากมีไฟติดสว่าง) ตัวอย่างเช่น อาจเป็นไปได้ที่เครื่องแจ้งเตือน "Paper Jam" (กระดาษติด) หรือ "Ink/Toner Empty" (หมึก/โทนเนอร์หมด) หากมีไฟ LED แจ้งเตือน ให้แก้ไขปัญหาเพื่อแก้ไขข้อความแสดงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ขั้นตอน B: ตรวจสอบได้เชื่อมต่อเครื่องพิมพ์เข้ากับคอมพิวเตอร์แล้ว
-
หากใช้งานแบบสาย USB ตรวจสอบว่าปลายทั้งสองด้านของสาย USB ได้เสียบเข้ากับเครื่องพิมพ์และเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว
และให้เสียบสาย USB เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงโดยไม่ผ่านฮับ (Hub) -
หากใช้งานแบบสาย Ethernet หรือ สาย LAN ตรวจสอบว่าสาย LAN ได้เสียบเข้ากับฝั่งเครื่องพิมพ์และเราเตอร์หรือแอคเซสพอยต์แล้ว
พิมพ์หน้ารายงาน Network Configuration ออกมาเพื่อตรวจสอบ IP address - หากใช้งานการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi ให้พิมพ์รายงาน Network Configuration ออกมาเพื่อตรวจสอบ IP address
-
หากคุณไม่สามารถพิมพ์หรือสแกนผ่านการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi ได้อีกต่อไป ให้รีสตาร์ทตัวโมดูล Wi-Fi ของเครื่องพิมพ์ โดยทำตามวิธีการด้านล่างนี้
- กดปุ่ม WiFi และปุ่ม Color (Colour) Start พร้อมกัน
- ปุ่มไฟ WiFi จะเริ่มกะพริบ เมื่อปุ่มไฟ WiFi ติดสว่าง ให้ลองพิมพ์หรือสแกนดูอีกครั้ง
หากปัญหายังคงดำเนินอยู่ ให้ไปที่ ขั้นตอน C
ขั้นตอน C: ตรวจสอบตามข้อด้านล่างดังต่อไปนี้ที่ตรงกับระบบปฏิบัติการของคุณ
สำหรับ Windows: ขั้นตอน I. ตรวจสอบว่าคุณได้ตั้งค่าเครื่องบราเดอร์เป็นเครื่องพิมพ์หลักในการพิมพ์แล้ว (Default printer)
เปิดโฟลเดอร์เครื่องพิมพ์ขึ้นมาและตรวจดูว่ามีเครื่องหมายถูกอยู่ด้านหน้าไอคอนเครื่องพิมพ์แล้ว:
(สำหรับ Windows 11 หรือสูงกว่า)
ตรวจสอบว่าได้เลือกเครื่องพิมพ์บราเดอร์ในแอปพลิเคชันที่จะพิมพ์แล้ว
(สำหรับ Windows 8, Windows 10)
- เปิด Control Panel. (คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการเปิด Control Panel)
-
คลิก Hardware and Sound > Devices and Printers
(สำหรับ Windows 7)
คลิก Start > Devices and Printers.
หากไม่มีเครื่องหมายถูกที่หน้าเครื่องพิมพ์ของคุณ ให้คลิกขวาที่ไอคอนเครื่องพิมพ์และเลือก Set as default printer
สำหรับ Windows: ขั้นตอน II. ลบงานพิมพ์ทั้งหมดออก
(สำหรับ Windows 11 หรือสูงกว่า)
- คลิก Start > Settings > Bluetooth & devices > Printers & scanners
- เลือกเครื่องพิมพ์ของคุณ และจากนั้นคลิก Open print queue
-
คลิก > Cancel all
(สำหรับ Windows 10 หรือก่อนหน้า )
คลิกขวาที่ไอคอนเครื่องพิมพ์และเลือก > See what's printing > Printer > Cancel All Documents
หากเมนู Cancel All Documents เป็นสีเทาหรือคลิกไม่ได้ตามด้านล่างนี้ ให้คลิกที่เมนู Open As Administrator และป้อนรหัสผ่านของ ผู้ดูแลระบบ จากนั้นคลิก Yes
สำหรับ Windows: ขั้นตอน III. ตรวจสอบสถานะของเครื่องพิมพ์ในหน้า Devices and Printers
ขั้นตอนนี้อาจมีจนถึงระบบปฎิบัติการ Windows 10
หากคุณใช้ Windows 11 หรือสูงกว่านี้ ให้ไปที่ขั้นตอน IV
หากสถานะเครื่องพิมพ์โชว์ Offline
(สำหรับWindows 10 หรือก่อนหน้า)
ให้คลิกขวาที่ไอคอนของเครื่องพิมพ์และเลือก > See what's printing > Printer > Use Printer Offline (ให้นำเครื่องหมายถูกออก)
หาก Use Printer Offline เป็นสีเทา ให้คลิก Open As Administrator ป้อนรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ และคลิก Yes
หากสถานะของเครื่องพิมพ์โชว์ Paused
(สำหรับ Windows 10 หรือก่อนหน้า)
คลิกขวาที่ไอคอนของเครื่องพิมพ์แล้วเลือก > See what's printing > Printer > Pause Printing (นำเครื่องหมายถูกออก)
หาก Pause Printing เป็นสีเทา ให้คลิกที่ Open As Administrator ป้อนรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ และคลิก Yes
สำหรับ Windows: ขั้นตอน IV. หากมีไอคอน copy ของเครื่องพิมพ์คุณ (ตัวอย่างเช่น: Brother [ชื่อรุ่น] (Copy 1)) อยู่ในรายการเครื่องพิมพ์ด้วย
ตัวก็อปปี้ของเครื่องพิมพ์คุณที่เป็นชื่อเดียวกันอาจถูกสร้างขึ้นมา หากคุณ:
- เปลี่ยนพอร์ตเสียบสาย USB ของคอมพิวเตอร์ไปยังช่องอื่น
- ติดตั้งไดรเวอร์เครื่องพิมพ์ชื่อรุ่นเดียวกันหลายครั้ง
หากมีหลายไอคอนปรากฏขึ้น ให้เลือกไอคอนเครื่องพิมพ์ที่ทราบว่าทำงานปกติในการพิมพ์
ในการตรวจสอบว่าเครื่องพิมพ์ใดยังคงทำงานปกติอยู่ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้
- เปิดเครื่องพิมพ์บราเดอร์ที่คุณต้องการใช้งาน
- คลิกที่ Start > Settings > Bluetooth & devices > Printers & scanners.
- เลือกเครื่องพิมพ์ของคุณ
-
ตรวจสอบสถานะของเครื่องพิมพ์
หากสถานะโชว์ idle หมายความว่าเครื่องพิมพ์นี้สามารถทำงานได้ปกติ ให้เลือกไดรเวอร์เครื่องพิมพ์นี้ในการพิมพ์
(เพิ่มเติม) หากต้องการเปลี่ยนชื่อเครื่องพิมพ์ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้
- คลิก Printer properties
- เปลี่ยนชื่อเครื่องพิมพ์ในหน้า Printer Properties และคลิก OK
(สำหรับ Windows 7, Windows 8 และ Windows 10)
- เปิดเครื่องพิมพ์บราเดอร์ที่คุณต้องการใช้งาน
-
เปิดโฟลเดอร์เครื่องพิมพ์:
(สำหรับ Windows 8, Windows 10)
เปิด Control Panel. (คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการเปิด Control Panel)
คลิก Hardware and Sound > Devices and Printers
(สำหรับ Windows 7)
คลิก Start > Device and Printers -
เลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่ไอคอนเครื่องพิมพ์จนกระทั่งสถานะของเครื่องพิมพ์จะปรากฏ
หากสถานะโชว์ Offline แสดงว่าไดรเวอร์เครื่องพิมพ์นี้ไม่ทำงาน ให้เลือกไอคอนเครื่องพิมพ์อื่นที่ไม่แสดง Offline(เพิ่มเติม) หากต้องการเปลี่ยนชื่อเครื่องพิมพ์ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้
- คลิกขวาที่ไอคอนเครื่องพิมพ์
- คลิก Printer Properties
- เปลี่ยนชื่อเครื่องพิมพ์ในหน้า Printer Properties และคลิก OK
-
หากคุณต้องการพิมพ์เครื่องพิมพ์นี้บ่อยๆ ให้คลิกขวาที่ไอคอนเครื่องพิมพ์และเลือก Set as default printer เครื่องหมายถูกจะปรากฏที่หน้าไอคอนของเครื่องพิมพ์และเมื่อคุณพิมพ์ในครั้งถัดไป ระบบจะเลือกเครื่องพิมพ์นี้ให้โดยอัตโนมัติ
สำหรับ Windows: ขั้นตอน V. หากปัญหายังคงปรากฏอยู่...
ตรวจสอบวิธีการแก้ไขปัญหาที่ตรงกับกรณีของคุณ
(สำหรับการเชื่อมต่อแบบสาย USB)
> คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการแก้ไขปัญหาพิมพ์ไม่ได้แบบสาย USB
(สำหรับการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายไร้สาย)
> คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการแก้ไขปัญหาพิมพ์ไม่ได้แบบเครือข่ายไร้สาย (สำหรับ Windows)
สำหรับ macOS: หากปัญหายังคงปรากฏอยู่...
ตรวจสอบวิธีการแก้ไขปัญหาที่ตรงกับกรณีของคุณ
(สำหรับการเชื่อมต่อแบบสาย USB)
> คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการแก้ไขปัญหาพิมพ์ไม่ได้แบบสาย USB
(สำหรับการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายไร้สาย)
> คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการแก้ไขปัญหาพิมพ์ไม่ได้แบบเครือข่ายไร้สาย (สำหรับ Mac)